นั้น พ้องเสียงกับ Fishing (การตกปลา) โดยเปรียบเทียบเหมือนการส่งข้อความ อีเมล หรือเว็บไซต์ปลอม เพื่อเป็นเหยื่อล่อให้ผู้ใช้งานเข้ามาติดเบ็ดนั่นเอง​ ​ซึ่งภัยจาก Phishing ที่พบเห็นบ่อยในประเทศไทยมี 2 รูปแบบ คือ​

1) Email Phishing : เป็นการส่ง Email หลอกลวงต่างๆ โดยแอบอ้างเป็นบุคคลใกล้ชิดกับเหยื่อ, สถาบันการเงิน, ผู้บริหารในบริษัท หรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อความน่าเชื่อถือ ​ซึ่งเนื้อหาใน Email นั้น อาจบอกถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องกรอกข้อมูล หรือแจ้งการให้ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น username และ password สำหรับเข้าระบบขององค์กร หรือการทำธุรกรรมทางการเงิน เป็นต้น​

2) Web Phishing : การปลอมแปลงหน้าเว็บไซต์ที่คล้ายเว็บจริง เพื่อหลอกเอาข้อมูล เช่น username หรือ password ของผู้ใช้งาน หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ และเมื่อเหยื่อกรอกข้อมูลลงไป จะส่งข้อมูลตรงๆ ไปยังแฮกเกอร์ทันที​

แม้ว่าการฟิชชิ่งผ่าน Email หรือ Website นั้น จะมีรายละเอียดและลักษณะเหมือนกับของจริงมาก เพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ แต่เราสามารถระวังตัวเองในเบื้องต้นได้ ดังนี้​

ตรวจสอบเนื้อหา ข้อความ ภาษาที่ใช้ใน Email ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทย มักมีจุดที่สะกดผิด ใช้คำที่ไม่ถูกหลักภาษา หรือใช้ภาษาพูด​

เช็ก Email ผู้ส่ง เพราะ Email Phishing ส่วนมากที่พบมักจะใช้ชื่อไม่ตรงกับชื่อหน่วยงานในเนื้อหาของอีเมล หรือใช้ชื่อที่คล้ายกัน เช่น no-reply@paypal.con ซึ่งที่ถูกต้องคือ no-reply@paypal.com เป็นต้น​

หมั่นสังเกต URL หรือ Address ที่เชื่อมโยง โดยเมื่อกดลิงก์ที่แนบมาเพื่อเข้าหน้าเว็บไซต์ทางการของหน่วยงาน องค์กร ฯลฯ สังเกตว่าจะต้องมี HTTPS เสมอ​

​

​